เมื่อวันที่ 17.ค.65 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุมหารือร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อติดตามสถานการณ์ การค้าชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางลลิดา จิวะนันทประวัติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายดนุภัทร เชียงชุม ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายสมบัติ ยะสินธุ์ อดีต ส.ส.จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายนิรันดร์ จันทร์แค้น นายก อบต.ห้วยผา และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ที่ห้องประชุมขุนลุมประพาส ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า วันนี้มาประชุมที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนซึ่งเป็นรูปการประชุม กรอ.พาณิชย์ ในภูมิภาคที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน หัวหน้าส่วนราชการและภาคเอกชนรวมทั้งฝ่ายความมั่นคง หารือในการผลักดันการค้าชายแดนเพื่อเร่งรัดตัวเลขการส่งออกในปี 2565 การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน การเปิดด่านเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
ปัจจุบันประเทศไทยมี 97 ด่าน เปิดแล้ว 48 ด่าน และจะเร่งทยอยเปิด สำหรับจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีด่านทั้งหมด 5 ด่าน ที่เป็นจุดส่งออกและนำเข้าสินค้า ซึ่งเป็นจุดผ่อนปรนการค้า มูลค่าการค้าชายแดนที่ผ่านด่านจุดผ่อนปรนการค้าทั้ง 5 จุด ในปี 2564 มีมูลค่า 210 ล้านบาท เป็นการส่งออก 198 ล้านบาทเนื่องจากติดปัญหาสถานการณ์โควิดและปัญหาสถานการณ์ในเมียนมาทำให้ตัวเลขการค้าเหลือเพียง 210 ล้านบาท แต่ปี 61 ตัวเลขการค้าผ่านจุดผ่อนปรน 5 จุดนี้มีมูลค่า 1,762 ล้านบาท และเป็นการส่งออก 892 ล้านบาท ถ้าเราทำงานร่วมกันกับเมียนมาและภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ตัวเลขการค้าจะกลับมาได้ต่อไปในอนาคต ซึ่งประเด็นปัญหามีอยู่ 3 ประเด็น
โดยประเด็นที่หนึ่ง ภาคเอกชน หอการค้าจังหวัดประสงค์ให้มีการยกระดับจุดผ่อนปรนการค้าห้วยต้นนุ่น เป็นจุดผ่านแดนถาวร ซึ่งฝ่ายความมั่นคงไม่ขัดข้อง แต่ติดขั้นตอน 2-3 ประเด็น คือ 1.การปักปันเขตแดน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง 2.การสร้างอาคารและถนน อยู่ระหว่างการดำเนินการขอใช้พื้นที่จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพราะเป็นพื้นที่ป่า ผู้ว่าราชการจังหวัดจะรับไปเร่งรัดดำเนินการให้เกิดผลในภาคปฏิบัติโดยเร็ว
สำหรับประเด็นที่สอง หอการค้าจังหวัดและภาคเอกชน ขอให้มีการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าห้วยต้นนุ่นเฉพาะกิจให้สามารถทำการท่องเที่ยวระหว่างแม่ฮ่องสอน-เมียนมาได้ ซึ่งเราได้มีการทำ MoU แล้วตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2560 ให้เจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายสามารถข้ามแดนไปมาได้ แต่ถึงขั้นการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวเป็นรายละเอียดที่ต้องดำเนินการเพิ่มเติมต่อไป ตนมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ประชุมร่วมกับทุกฝ่าย หาข้อสรุปให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งการค้า การท่องเที่ยว และให้ผู้ว่าราชการจังหวัด รายงานผลใน 30 วัน
ส่วนประเด็นที่สาม การกำหนดจุดที่ทำการของจุดผ่อนปรนบ้านห้วยผึ้ง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะการค้าชายแดน 76% หรือ 3 ใน 4 ผ่านด่านห้วยผึ้ง การกำหนดจุดผ่อนปรนการค้ายังมีความเห็นที่ไม่สอดคล้องกันทั้งในส่วนการปกครองท้องถิ่นและฝ่ายความมั่นคงและอื่นๆ ฝ่ายท้องถิ่นประสงค์ใช้อาคารที่บ้านร่องแห้ง แต่ฝ่ายความมั่นคงยังมีความเห็นว่ามีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่ในปัจจุบัน ซึ่งยังไม่เป็นที่ยุติ
“ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหาข้อยุติ ที่ดีที่สุดที่จะให้การค้าหรือการท่องเที่ยวเกิดขึ้นในอนาคตสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคงล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ ประเทศจำเป็นต้องดูแลเรื่องความมั่นคงให้ขณะเดียวกันเศรษฐกิจที่จะต้องเร่งนำรายได้เข้าประเทศก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน และจะรายงานมาที่ตนภายใน 30 วัน”
อ้างอิง
https://siamrath.co.th/economy